วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2558

วิตามินซี (๑๖)


วันที่ ๒๗ เดือน ธันวาคม พุทธักราช ๒๕๕๘
 ที่มา: ลีโอนาร์ด เมอร์วิน.มารู้จักและเข้าใจวิตามิน.พิมพ์ครั้งที่๒.กรุงเทพฯเจริญวิทย์การพิมพ์.๒๕๓๙.หน้า๑๐๕-๑๑๗
เรื่อง วิตามินซี




  การค้นพบวิตามินซี
                เกิดขึ้นจาก บรรดานักวิทยาศาสตร์พากันค้นคว้าและวิจัยหาสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคลักปิดลักเปิดและวิธีการรักษา โดยที่ปี๑๙๑๒ ฟุงค์ยืนยันว่า โรคลักปิดลักเปิดสามารถป้องกันได้ด้วยวิตามิน และผลักดันให้มีการสกัดวิตามินซีออกจากน้ำส้มและน้ำมะนาว จากนั้นนำมาพิสูจน์ได้ว่ามีคุณสมบัติต่อต้านโรคลักปิดลักเปิด ในปี๑๙๓๓ มีการค้นพบโครงสร้างจองวิตามินซี โดยเฮเวิร์ดและเฮิร์สต ใช้ชื่อว่า กรดแอสคอร์บิค เนื่องจากเป็นของเหลวมีฤทธิ์เป็นกรด ต้านการไหลซึมของเลือดตามไรฟัน ซึ่งหมายถึงการป้องกันโรคลักปิดลักเปิด
หน้าที่ของวิตามินซี
วิตามินซีมีความสำคัญต่อการสร้าง และบำรุงสุขภาพของเนื้อเยื่อสัมพัทธ์ วิตามินซีคอยดูแลให้กระดูกและฟันมีความแข็งแรงและซ่อมแซมยามเกิดการแตกหักร้าว วิตามินซีมีผลต่อการบีบรัดตัวของกล้ามเนื้อ แหล่งของวิตามินซี วิตามินซีปรากฏอยู่ทั่วไปในอาหารธรรมชาติ แต่แหล่งที่มีมากคือ ผักสดและผลไม้ต่างๆ ผักที่มีราคาแพงแต่มีวิตามินซี ผักที่มีราคาแพงแต่มีวิตามินซีพอสมควร ได้แก่ แบล็คเคอแรนท์ บรอคโคลี่
การสูญเสียในขบวนการปรุงอาหาร

วิตามินซีเปราะบางมากที่สุด ถูกทำลายได้ง่ายโดยขบวนการถนอมอาหาร ขัดล้างให้ดูสะอาด สวยงาม การหั่นหรือทำให้ผลไม้และผักช้ำ แก้ไขโดยการนำน้ำส่วนนั้นไปบริโภคด้วย

ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ (๑๕)

วันที่ ๒๗ เดือน ธันวาคม    พุทธศักราช   ๒๕๕๘
 ที่มา : ปิยะมาศ พิสมัย, สรุปชีววิทยา. พิมพ์ครั้งที่ ๒.กรุงเทพฯ : เอพลับลิชชิ่ง.๒๕๕๕. หน้า๒๕-๓๕
                                                                                                                                                    

                                                   
เรื่อง ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์




                             ต่อมไทรอยด์ (throld gland) มีลักษณะเป็นพู ๒ พูอยู่ข้างคอหอย  ต่อมนี้จัดเป็นต่มไร้ท่อที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย มีเส้นเลือดมาหล่อเลี้ยงมากที่สุด เซลล์ภายในต่อมเป็นเซลล์กลมๆ ที่มีความหนาชั้นเดียว มีช่องกลวงตรงกลางเรียกว่า ไทรอยด์ฟอลิเคิล (thyroid follicle) ภายในฟอลิเคิลจำนวนมากนี้ บรรจุสารที่เซลล์สร้างมีลักษณะคล้ายวุ้นเรียกว่า คอลลอยด์ ซึ้งเป็นไกลโคโปรตีนมีชื่อว่า ไทโรกลอบบลูลิน (thyroglobulin)  เซลล์ที่พบในไทรอยด์มี 2 ชนิด คือ follicalar epitheliall cell ซึ่งปกติจะแบน เมื่อสร้างฮอร์โมนเซลล์จะเปลี่ยนรูปร่างเป็นรูปลูกบาศก์ แล้วสะสมไว้ในช่องระหว่างเซลล์ เซลล์ประเภทนี้จะสร้าง  thyroglobulin ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของฮอร์โมนไทอกชิน เซลล์อีกชนิดหนึ่งคือ parafollieular cell เป็นเซลล์รูปไข่แทรกอยู่ระหว่างประเภทแรก มีจำนวนน้อยกว่า ทำหน้าที่สร้า ealcitonin
ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ มี ๒ ชนิด คือ
๑.ฮอร์โมนไทรอกซิน ( thyroxin) มีหน้าที่หลักเกี่ยวกับ
- ควบคุมอัตราการเผาผลาญสารอาหารต่างๆ  ในร่างกายเมื่อโตเต็มไว  โดยกระตุ้นการใช้ออกซิเจน
- จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาสมองในวัยเด็ก
- กระตุ้นการเปลี่ยนแปลงไกลโคเจนไปสู่กลูโคส  (glycogenolysis) และการเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด
- มีผลต่อไมโทคอนเดรียทำให้มีการสร้างพลังงานในรูป ATP เพิ่มขึ้น
- ควบคุมเมแทบอลิซึมในร่างกายและขบวนการเมตาเมอร์โฟซิส (การเปลี่ยนแปลงรูปร่าง) ฮอร์โมนไทรอกซินจะถูกการหลั่งโดยต่อมใต้สมองส่วนหน้าและไฮโพทาลามัส
ความผิดปกติที่เกิดเนื่องจากระดับฮอร์โมนไทรกซิน ได้แก่
-                   โรคคอพอกธรรมดา (simple goiter) เกิดจากต่อมใต้สมองส่วนหน้าสร้า TSH มากระตุ้นต่อมไทรอยด์มากเกินไป โดยต่อมไม่สามารถสร้างฮอร์โมนออกมาเพื่อยับยั้งการหลั่งของ TSH ได้  ทำให้ผู้ป่วยมีอาการคอโตจากต่อมบวม
-                   โรคคอพอกเป็นพิษ (toxic goiter) เกิดจากต่อมไทรอยดย์สร้างฮอร์โมนมากเกินไป จากภาวะเนื้องอกของต่อม มีอาการคอโตจากต่อมบวมเช่นกัน
-                   โรคเกรฟ (grave’s disease) เกิดจากต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนมากเกินไปเพราะได้รับการกระตุ้นจาก TSH มากเกินไป หรือเกิดจากภาวะเนื้องอกของต่อมผู้ป่วยมักมีอาการ คอโต ตาโปน ร่างกายอ่อนเพลียจากเมแทบอลิซึม ในร่างกายสูงหรือน้ำหนักลดลงทั้งๆที่กินจุ พบในหญิงมากว่าชาย
-                   ครีตินิซิม (cretinism) เกิดเนื่องจากต่อมไทรอยด์ฝ่อในวันเด็ก หรือพิการแต่กำเนิด ทำให้การเจริญเติบโตของกระดูดลดลง ร่างการเตี้ย อาจมีภาวะปัญญาอ่อน
-                   มิกซีดีมา (myxedema) พบในผู้ใหญ่ เกิดจากต่อมไทรอยด์หลั่งฮอร์โนมน้อยกว่าปกติ ผู้ป่วยจะมาการเจริญช้า ความจำเสื่อม มีไขมันมา ร่างกายอ่อนแอ ติดเชื้อง่าย มักพบในหญิงมากกว่าชาย
๒.ฮอร์โมนแคลซิโทนิน (calcitonin) ทำหน้าที่เกี่ยวข้องมนกานคบคุมแคบอลิซึมของแคลเซียมและฟอสเฟต โดยจะทำให้ระดับแคลเซียมและฟอสเฟตในเลือลดลง ด้วยการเพิ่มการขับเกลือแร่ทั้ง ๒ ออกทางปัสวะ นอกจากนี้ยังป้องกันการทำลายกระดูกมาเกินไปในระยะตั้งครรภ์ด้วยการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่กระดูก

                ดังนั้นการหลั่งฮอร์โมนแคลซิโทนินนี้ จะถูกควบคุมโดยระดับแคลเซียมในเลือดที่สูงกว่าปกติจะกระตุ้นให้มีการหลั่งของแคลซิโทนิน และจะหยุดหลั่งเมื่อระดับแคลเซียมในเลือดต่ำลง                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                       

วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2558

การคายน้ำ (๑๔)

วันที่ ๒๐ เดือนธันวาคม    พุทธศักราช   ๒๕๕๘
 ที่มา : ภูวดล บุตรรัตน์โครงสร้างภายในของพืช. พิมพ์ครั้งที่ ๕.กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.๒๕๔๑. หน้า ๑๖-๒๑
                                                                      เรื่อง การคายน้ำ
              กระบวนการระเหยเป็นไอของน้ำภายในต้นพืชออกสู่บรรยากาศภายนอก เรียกว่า การคายน้ำ การคายน้ำเกิดขึ้น ๓ แห่งคือ 
๑.ทางรูใบ ประมาณ ๘๐%
๒.ตามผิวใบ ประมาณ ๒๐% 
๓.รอยแตกตามลำต้นและกิ่ง 
           พืชจะคายน้ำได้มากหรือน้อยขึ้นกับปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมภายนอกปละสภาพแวดล้อมภายในของพืชเองก็ตาม
 ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการคายน้ำของพืช 
            ๑.แสง มีผลทำให้อัตราการคายน้ำเพิ่มขึ้น เนื่องจากแสงทำให้ปากใบของพืชเปิดกว้างขึ้น ไอน้ำจึงแพร่ออกมาได้มากขึ้น
           ๒.อุณหภูมิ ถ้าอุณหภูมิสูงน้ำจะระเหยกลายเป็นไอได้ง่ายกว่าอุณหภูมิต่ำ และไอน้ำที่อุณหภูมิสูงก็แพร่ได้เร็วกว่าที่อุณหภูมิต่ำ 
          ๓.ปริมาณน้ำในพืช ถ้ามีมากจะพบอัตราการคายน้ำสูง 
          ๔.ความชื้นของอากาศ โดยปกติช่องว่างภายในใบจะมีไอน้ำบรรจุอยู่ถึงจุดอิ่มตัว ถ้าอากาศมีความชื้นสัมพัทธ์น้อยก็จะมีความแตกต่างของความดันระหว่างภายในใบและภายนอกใบมาก 
          ๕.ลม เป็นปัจจัยที่ช่วยพัดพาเอาความชื้นให้ออกไปจากบริเวณรอบๆใบ ทำให้ไอน้ำในใบสามารถแพร่ออกมาสู่บรรยากาศให้เร็วขึ้น
          ๖.ความกดดันของบรรยากาศ ถ้าความดันต่ำ ไอน้ำในใบจะแพร่ออกมาได้ง่ายกว่าในขณะที่อากาศมีความดันสูง ประโยชน์และโทษของการคายน้ำ
          ๑.ช่วยลดความร้อนของใบ ทำให้อุณหภูมิใบลดลงได้ คาดกันว่าการคายน้ำช่วยลดอุณหภูมิของใบได้ประมาณ ๒-๓°
          ๒.ช่วยในการดูดน้ำและเกลือแร่
          ๓.ช่วยในการลำเลียงน้ำและเกลือแร่


Epidermis (๑๓)

วันที่ ๒๐ เดือนธันวาคม    พุทธศักราช   ๒๕๕๘
 ที่มา : ภูวดล บุตรรัตน์โครงสร้างภายในของพืช. พิมพ์ครั้งที่ ๕.กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.๒๕๔๑. หน้า ๑๖-๒๑
เรื่อง Epidermis



Epidermis เป็นเนื้อเยื่อถาวรเชิงเดี่ยว อยู่ชั้นนอกสุดของส่วนต่างๆของพืช ในระยะการเจริญขั้นแรก มีกำเนิดมาจากชั้น protodem มักเรียกกันว่า เนื้อเยื่อผิว เป็นส่วนที่สัมผัสกับภายนอกปกคลุมส่วนต่างๆ ของพืช ทั้งราก ลำต้น ใบ ดอก ผล เมล็ด ยกเว้นบริเวณปลายยอด ปลายราก เพราะมีจุดกำเนิดต่างจาก epidermis ส่วนอื่นๆเมื่อมีการเจริญขั้นที่สอง  เนื้อเยื่อจะสลายไปเพราะมีชั้นของ cork ที่เกิดขึ้นใต้ epidermis เจริญดันออกมา
                รูปร่าง ถ้าดูจากการตัดตามขวางลำต้นหรือใบ จะเห็นเซลล์ของ epidermis เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเรียงอยู่ชั้นเดียว แต่พืชบางชนิดอาจมีหลายชั้นเรียกว่า multiple epidermis เมื่อลอกออกเป็นแผ่นเซลล์ epidermis  จะมีรูปร่างค่อนข้างกลม หรือเป็นเหลี่ยมขอบเซลล์อาจจะหยัก เช่น epidermis ของผิวลำต้นอ้อยเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า รูปร่างยาว และบางเซลล์เปลี่ยนรูปร่างไปเป็นเซลล์สี่เหลี่ยมเล็กๆ เรียกว่า silica cell ซางมีสารซิลิกาอยู่มากและ cork cell มีสารซูเบอรินปะปนอยู่ เซลล์ epidermis ด้านบนของใบพืชใบเลี้ยงเดี่ยวบางเซลล์มีขนาดใหญ่ ผนังบาง ภายในมีน้ำสะสมอยู่เรียกเซลล์นี้ว่าmortor cell หรือ buliform cell ช่วยในการม้วนงอของใบเวลาสูญเสียน้ำ ผิวด้านนอกของเซลล์ epidermis มีสารขี้ผึ้งพวกคิวตินฉาบอยู่ ช่วยป้องกันการระเหยของน้ำ ชั้นของคิวตินนี้เรียกว่า คิวติเคิล

                หน้าที่  epidermis มีหน้าที่หลายประการ เช่น ช่วยป้องกันอันตราย เกี่ยวกับการคายน้ำ แลกเปลี่ยนแก๊ส สะสมน้ำและสารที่ได้จากเมตาโบลิซึม เกี่ยวกับการสังเคราะห์แสง การขับถ่ายของเสียหรือสร้างเซลล์ใหม่ปกคลุมเมื่อมีบาดแผล 

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2558

การปลูกพืชไร้ดิน (๑๒)

วันที่ ๑๔ เดือนธันวาคม    พุทธศักราช   ๒๕๕๘
 ที่มา : เอิบบุญ สุทธิประภา, สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เล่มที่ ๒. กรุงเทพฯ : ด่านสุทธาการพิมพ์.๒๔๕๓. หน้า ๑๓๔-๑๔๔

เรื่อง การปลูกพืชไร้ดิน
การปลูกพืชไร้ดิน หมายถึง การปลูกพืชที่ไม่ได้ใช้ดินในการปลูก แต่จะให้สารละลายธาตุอากาศแก่ราก แทนที่จะให้รากไปหาอาหารจากดินและมีวัสดุอุปกรณ์เพื่อค้ำพยุงต้นพืชให้ตั้งตรงอยู่ได้
แบ่งได้เป็น ๒ แบบดังนี้
๑.การปลูกพืชในน้ำ คือ การปลูกพืชที่ให้ส่วนรากแช่อยู่ในสารละลายธาตุอาหารพืช
๒.การปลูกพืชในวัสดุปลูก คือการปลูกพืชในภาชะที่มีสารอื่นที่ไม่ใช่น้ำซึ่งเรียกว่า วัสดุปลูก ทดแทนดินทั้งหมด และรดด้วยสารละลายธาตุอาหารพืช
หลักการและเทคนิคการปลูกพืชไร้ดิน
หลักการปลูกพืชไร้ดิน คือ ต้องให้ธาตุอาหารพืชในรูปของสารละลายแทนอาหารซึ่งได้จากดิน และต้องใช้ที่ยึดหรือค้ำจุนต้น รวมทั้งต้องจัดให้รากได้ออกซิเจนเพื่อหายใจ
เทคนิคที่นิยมใช้ มีดังนี้
๑.เทคนิคการให้อากาศ ใช้ภาชนะเป็นกระบะ อาจเป็นไม้ โฟม พลาสติก มีกระบะเป็นโฟมที่เจาะเป็นรูกลมๆให้มีขนาดพอดีสำหรับวางต้นพืช วางฝากระบะให้ห่างจากผิวน้ำประมาณ ๑ เซนติเมตร เพื่อให้มีออกซิเจนหน้าผิวน้ำ นำต้นกล้าที่เพาะไว้หุ้มโคนต้นด้วยฟองน้ำ วางบนรูฝากระบะ เทคนิคนี้มีทั้งแบบที่ใช้น้ำตื้นและน้ำลึก ไม่มีการหมุนเวียนน้ำหรือสารละลาย
๒.เทคนิคน้ำหมุนเวียน เทคนิคนี้มีโครงสร้างและหลักการคล้ายกับเทคนิคการให้อากาศ แต่มีข้อที่แตกต่างคือ การเติมออกซิเจนลงในน้ำต้องอาศัยการไหลเวียนของน้ำหรือสารละลายธาตุอาหารของพืช ซึ่งมีทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึก
๓.เทคนิคเอ็นเอฟที เทคนิคนี้เป็นแบบสารละลายไหลเวียน เป็นแบบที่นิยมมากที่วุด เพราะไม่เปลืองน้ำ ไม่เปลืองปุ๋ย โดยมีหลักการว่า รากพืชจะต้องแช่อยู่ในรางแบนๆ ที่มีความลาดเอียง มีสารละลายธาตุอาหารพืชไหลผ่านเป็นชั้นแผ่นผิวบางๆ ตามช่วงเวลาที่กำหนด เทคนิคนี้พัฒนาได้หลายรูปแบบ เช่น ใช้ก้อนวัสดุสำหรับพืชขนาดใหญ่เพื่อพยุงลำต้น
๔.เทคนิคการฉีดพ่นราก วิธีนี้เป็นเทคนิคแบบน้ำหมุนเวียน รากพืชไม่ได้แช่ในสารละลาย แต่ยกให้ลอยขึ้นในตู้ปลูกที่เป็นห้องมืด และรักษาความชิ่นด้วยละอองน้ำจากหัวฉีดที่วางเป็นระยะๆ เทคนิคนี้บางสถาบันจัดแยกเป็นการปลูกในอากาศ
ข้อดี
๑.สามารถปลูกในพื้นที่ที่มีความจำกัดได้
๒.ใช้นำและปุ๋ยน้อยกว่าการปลูกพืชในดิน
๓.ใช้แรงงานน้อยกว่า
๔.สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมของรากได้
ข้อเสีย
๑.      มีการลงทุนสูงกว่าการปลูกพืชในดิน
๒.    ๒.ต้องใช้การดูแลเอาใจใส่มากกว่า

ประโยชน์  ทราบถึงการปลูกพืชไร้ดินและเทคนิคการปลูก

ความผิดปกติเกี่ยวกับสมอง (๑๑)

วันที่ ๑๒ เดือนธันวาคม    พุทธศักราช   ๒๕๕๘
 ที่มา :ธิติวัส เอกจรรยา, ตะลุยร่างกายมนุษย์.พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชั่น.๒๔๕๓. หน้า ๘๘-๙๗

เรื่อง ความผิดปกติเกี่ยวกับสมอง
สภาพผัก
                สภาพผัก เป็นสภาพที่เกิดจากการที่สมองส่วนเซรีบรัมของผู้ป่วยสูญเสียความสามารถในการทำงาน แต่ที่ก้านสมองยังพอทำงาน แต่ที่ก้านสมองยังพอทำงานได้ ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว ไม่มีการตอบสนองต่อสิ่งเร้า แต่ระบบอื่นในร่างกายยังทำงาน เช่น หัวใจยังเต้น ยังหายใจ
ภาวะสมองตาย
                สมองตาย คือภาวะที่สมองหยุดทำงานโดยสิ้นเชิง ซึ่งในทางการแพทย์จะถือว่าผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว แม้ว่าหัวใจยังเต้นอยู่ก็ตาม เพราะผู้ป่วยไม่มีทางฟื้นฟูการทำงานของสมองได้อีก หลังจากสมองตาย อวัยวะอื่นๆ ก็จะค่อยหยุดการทำงานในเวลาไม่นาน แต่อาจมีการช่วยให้ร่างกายอยู่ต่อไปได้ โดยใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องช่วยหายใจ
ภาวะสมองเสื่อม

                ภาวะสมองเสื่อม คือ ภาวะที่ประสิทธิภาพการทำงานของสมองในด้านต่างๆเสื่อมถอยลง เช่น ความสามารถในการเรียนรู้ ความจำ การตัดสินใจ การคำนวณ การสื่อสาร ซึ่งภาวะนี้มักพบในผู้สูงอายุ แต่มีโอกาสเกิดกับคนอายุน้อยได้เช่นกัน โดยเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น สมองได้รับความกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุ มีเนื้องอกในสมอง การติดเหล้า โรคอัลไซเมอร์

วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สมอง (๑๐)

วันที่ ๑๔ เดือนธันวาคม    พุทธศักราช   ๒๕๕๘
 ที่มา :ณิชากร อุปพงษ์, ร่างกายของเรา.พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ : มีดีคิดส์.๒๔๕๓. หน้า ๒๘-๓๕

เรื่อง สมอง
สมองศูนย์สั่งการของร่างกาย
สมองคนเราจะมีน้ำหนักประมาณ ๑.๔ กิโลกรัม บรรจุอยู่ภายในกะโหลกศีรษะ ซึ่งจะป้องกันไม่ให้สมองได้รับการกระทบกระเทือน สมองประกอบด้วยเซลล์ประสาทจนวนมากกว่าร้อยละ ๙๐ ของเซลล์ประสาททั้งหมดในร่างกาย
สมองของคนแบ่งอออกเป็น ๓ ส่วน คือ
๑.สมองส่วนหน้า ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเก็บข้อมูลสิ่งต่างๆ ความรู้ ความจำ ความรู้สึกนึกคิด เชาว์ปัญญา เป็นศูนย์ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ ศูนย์ควบคุมการพูด การรับรู้ภาษา ศูนย์กลางการมองเห็น การรับรส การได้ยิน และการได้กลิ่น
๒.สมองส่วนกลาง มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการเคลื่อนไหวของลูกนัยน์ตา ควบคุมการเปิดปิดของม่านตา ในเวลาที่มีแสงสว่างมากหรือน้อย
๓.สมองส่วนหลัง เป็นสมองส่วนท้าย ประกอบไปด้วยสมองซีกอยู่ทางซ้ายและขวา มีหน้าที่สำคัญ คือ ควบคุมและประสานงานของการเคลื่อนไหวของร่างกายให้เป็นไปอย่างราบรื่นและเที่ยงตรง ควบคุมการทรงตัวของร่างกาย ควบคุมการเคี้ยว การหลั่งและการกลืนน้ำลาย การเคลื่อนไหวบริเวณใบหน้า เป็นศูนย์ควบคุมการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติต่างๆ เช่นการเต้นของหัวใจ

ประโยชน์              ได้รู้ว่าสมองมี๓ ส่วนและมีหน้าแตกต่างกันไป

กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน (๙)

วันที่ ๑๒ เดือนธันวาคม    พุทธศักราช   ๒๕๕๘
 ที่มา : องอาจ ผกามาลยเทพ, มหัศจรรย์โลกฟิสิกส์.พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชั่น.๒๔๕๓. หน้า ๔๕-๔๙

เรื่อง กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน
กฎข้อที่ ๑  กฎของความเฉื่อย
ข้อที่ ของนิวตันได้ให้ความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุไว้ว่า ถ้ามีวัตถุวางนิ่งอยู่บนพื้นราบแล้วไม่มีแรงภายนอกอื่นมากระทำต่อวัตถุ วัตถุจะยังคงหยุดนิ่งเช่นนั้นต่อไป หรือถ้าให้แรงสองแรงมากระทำต่อวัตถุโดยแรงทั้งสองมีขนาดเท่ากันและมีทิศทางตรงกันข้าม ซึ่งเป็นผลให้แรงลัพธ์เป็นศูนย์ จะพบว่าวัตถุจะยังคงสภาพหยุดนิ่งเช่นเดิม จึงสามารถสรุปได้ว่า ถ้าไม่มีแรงภายนอกมากระทำต่อวัตถุ หรือแรงลัพธ์ที่มากระทำมีค่าเป็นศูนย์ วัตถุจะไม่เปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่เช่น ถ้าวัตถุหยุดนิ่งก็จะหยุดนิ่งต่อไป ถ้ากำลังเคลื่อนที่ก็จะเคลื่อนที่ต่อไปด้วยความเร็วคงตัว (a = 0) โดยมีความสัมพันธ์ตามสมการ


ตัวอย่าง                 สะบัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้า
กฎข้อที่ ๒  กฎของความเร่ง
               ข้อที่  เมื่อมีแรงลัพธ์ที่มีขนาดไม่เป็นศูนย์มากระทำกับวัตถุ จะทำให้วัตถุเคลื่อนที่ด้วยความเร่งในทิศทางเดียวกับแรงลัพธ์ที่มากระทำ และขนาดของความเร่งจะแปรผันตรงกับขนาดของแรงลัพธ์ และแปรผกผันกับมวลของวัตถุ" โดยมีความสัมพันธ์ตามสมการ
ตัวอย่าง                 การขี่จักรยาน
กฎข้อที่ ๓  กฎของแรงปฏิกิริยา-แรงกิริยา
                ข้อที่ ๓ ทุกแรงกริยา ย่อมมีแรงปฏิกิริยาเทท่ากัน โต้ตอบในทิศทางตรงข้ามเสมอ โดยมีความสัมพันธ์ตามสมการ 
ตัวอย่าง                  การยิงจรวด การพายเรือ รถชนกัน

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Adverb (๘)

วันที่ ๑๐  เดือนธันวาคม    พุทธศักราช   ๒๕๕๘
 ที่มา : สำราญ คำยิ่ง, Advanced English Grammar.พิมพ์ครั้งที่ ๓. กรุงเทพฯ : อรทัย  พริ้นติ้ง. ๒๔๕๒. หน้า ๑๓๖-๑๕๘

เรื่อง Adverb
Adverb แปลว่า กริยาวิเศษณ์ ใช้ทำหน้าที่ขยายกริยา ขายคุณศัพท์ ขยายกริยาวิเศษณ์ ขยายประโยค และขยายสรรพนาม บุพบทวลี และจำนวนนับ
ชนิดของ Adverb แบ่งได้ ๓ หมวด คือ
๑.      Simple Adverb                           กริยาวิเศษณ์สามัญ
๒.    Interrogative Adverb                กริยาวิเศษณ์คำถาม
๓.     Conjunction Adverb                  กริยาวิเศษณ์สันธาน
๑.Simple Adverb แบ่งได้ ๘ ชนิด
ประเภท
ความหมาย
ตัวอย่างคำ
Adverb of Time
บอกเวลา
today, yesterday, tomorrow, late
Adverb of Duration
บอกระยะเวลา
for five years
Adverb of Place
บอกสถานที่
inside, outside
Adverb of Frequency
บอกความถี่
always, occasionally
Adverb of Manner
บอกกริยาอาการ
slowly, badly, carefully
Adverb of Quantity
บอกปริมาณ
almost, just, rather
Adverb of Exclamation
บอกอุทาน
ตัวอย่างประโยค
How+ Adjective+ Subject+ Verb to be !
Adverb of Affirmation or Negation
บอกการกล่าวรับหรือไม่รับ
Surely, Perhaps, indeed
 ๒.Interrogative Adverb แบ่งได้ ๖ ชนิด
ประเภท
ความหมาย
ตัวอย่างคำ
Adverb of Time
ถามเวลา
How long, How soon, When
Adverb of Place
ถามสถานที่
Where, How far
Adverb of Frequency
ถามความถี่
How often
Adverb of Manner
ถามกริยาอาการ
How
Adverb of Quantity
ถามปริมาณ
How much, How many
Adverb of Reason
ถามเหตุผล
Wherefore
๓.Conjunction Adverb ทำหน้าที่เชื่อมข้อความของประโยคหน้ากับประโยคหลังให้กลมกลืนกัน
ตัวอย่าง I asked him how often he had gone there.





การเกิดปฏิกิริยาเคมี (๗)

วันที่ ๑๐  เดือนธันวาคม    พุทธศักราช   ๒๕๕๘
 ที่มา : สุทธิพร พงษ์รัตนกุล, สรุปเคมี เล่ม ๓. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ : ชัยภัทร พริ้นติ้ง. ๒๔๕๕. หน้า ๕-๑๓


เรื่อง การเกิดปฏิกิริยาเคมี
การเกิดปฏิกิริยาเคมี จะเกิดขึ้นเมื่อ
๑.อนุภาคมีการชนในทิศทางที่เหมาะสม
๒.พลังงานที่เกิดการชนต้องมีค่าน้อยที่สุด เรียกพลังงานนั้นว่า พลังงานก่อกัมมันต์ หรือพลังงานกระตุ้น
ลักษณะที่สำคัญของพลังงานกระตุ้น
๑.ปฏิกิริยาต่างกันจะมีค่าพลังงานกระตุ้นต่างกัน
๒.ปฏิกิริยาที่มีพลังงานกระตุ้นต่ำ จะเกิดง่ายกว่า
๓.ค่าพลังงานกระตุ้นมีค่าคงที่
ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมี
                ๑.ธรรมชาติของสารตั้งต้น ซึ่งจะเกิดเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับชนิดของสารตั้งต้น
                ๒.ความเข้มข้นของสารตั้งต้น
                              ถ้าเพิ่มความเข้มข้นของสารตั้งต้น ปฏิกิริยาจะเกิดเร็วขึ้น
                             ถ้าลดความเข้มข้นของสารตั้งต้น ปฏิกิริยาจะเกิดช้าลง
                ๓.พื้นที่ผิวสัมผัสของสาร ถ้ามีพื้นที่ผิวมาก จะเกิดปฏิกิริยาเร็ว
  ๔.อุณหภูมิ 
การเพิ่มอุณหภูมิ จะทำให้เกิดปฏิกิริยาเร็วขึ้น
              การเพิ่มอุณหภูมิ จะทำให้เกิดปฏิกิริยาเร็วขึ้น
๕.ตัวเร่งปฏิกิริยา ช่วยประสานงานในการจัดเรียงอนุภาคของสารให้เหมาะสม เพื่อเกิดสารใหม่ได้เร็วขึ้น
๖.ตัวหน่วงปฏิกิริยา ทำให้เกิดปฏิกิริยาช้าลง