วันที่ ๑ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๙
ที่มา: พัชรา สุขภักดา.เตรียมสอบ โลกดาราศาสตร์ และอวกาศ. กรุงเทพฯ.เสริมสรรค์การพิมพ์.๒๕๕๗.หน้า ๙๑-๑๑๒
เรื่อง ปรากฏการณ์บนดวงอาทิตย์
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบนดวงอาทิตย์ มีหลายปรากฏการณ์ ดังนี้
๑. จุดบนดวงอาทิตย์
จุดบนดวงอาทิตย์เป็นลักษณะที่น่าสังเกตที่สุดบนดวงอาทิตย์
บริเวณนี้จะปรากฏมืดเมื่อมองในแสงสีขาว เหตุที่มืดก็ เนื่องจากรังสีที่แผ่ออกจากบริเวณนี้น้อยกว่าบริเวณโฟโตสเฟียร์ที่อยู่รอบๆ
ซึ่งหมายความว่า บริเวณนี้เย็นกว่าบริเวณอื่นบนตัวดวง ถ้าสามารถเอาจุดบนดวงอาทิตย์ออกมาได้จากผิวดวงอาทิตย์
แล้วเอามาวางไว้ในอวกาศ จุดเหล่านี้จะปรากฏสว่างพอๆ
กับดวงจันทร์ในขณะสว่างเต็มดวงทีเดียว
จุดบนดวงอาทิตย์ประกอบด้วยองค์ประกอบ ๒ ส่วนคือ
(๑)
เขตเงามืด (Umbra) เป็นบริเวณใจกลางจุดซึ่งมืดสนิท
(๒)
เขตเงามัว (Penumbra) เป็นบริเวณที่ไม่มืดมากอยู่รอบๆ
เขตเงามืดมีคามสว่างประมาณ ๓/๔
ของความสว่างในโฟโตสเฟียร์
นอกจากนั้น
ยังตรวจพบแสงสว่างวาบออกมาจากเขตเงามืดในบางครั้ง ทั้งนี้
คาดว่าเกิดขึ้นจากคลื่นที่แผ่ออกมา แล้วผ่านเขตเงามัวออกมา
ผลการเคลื่อนที่ของสสารในกรณีนี้เรียกว่า “Evershed
Effect”
๒. การลุกจ้า (Flares)
การลุกจ้าบนดวงอาทิตย์มักจะเกิด ณ
บริเวณรอบๆ จุดบนดวงอาทิตย์ โดยเป็นการระเบิดอย่างรุนแรง
แล้วปล่อยอนุภาคและรังสีต่างๆ ออกมาอย่างมากมายออกสู่อวกาศ
โดยปกติช่วงชีวิตของการลุกจ้าจะเฉลี่ยประมาณ ๒๐ นาที อุณหภูมิของการลุกจ้าอาจสูงถึง ๕ ล้านองศาเคลวิน
อนุภาคที่เกิดจากการลุกจ้าอาจถูกส่งมาถึงโลกของเราได้ในเวลาเพียง ๒-๓ ช.ม. เท่านั้น และเป็นผลทําให้เกิดการรบกวนการส่งคลื่นวิทยุบนโลก
นอกจากนั้น ยังก่อให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า แสงเหนือ (Aurora Borealis) และแสงใต้ (Aurora
Australis) ด้วย
สามารถสังเกตเห็นการลุกจ้าบนดวงอาทิตย์ได้
เมื่อทําการถ่ายภาพโดยใช้แผ่นกรองแสงแบบ H และจากการศึกษาการลุกจ้า
โดยหอทดลองลอยฟ้า พบว่ามีการปล่อยรังสีเอกซ์ (X-rays) และ
คลื่นวิทยุที่ส่งออกมาจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มขึ้นด้วย ในขณะที่เกิดการลุกจ้า
กลไกการเกิดการลุกจ้าบนดวงอาทิตย์ยังไม่ทราบแน่นอน
แต่คาดว่าเกิดจากพลังงานจํานวนมหาศาลที่ถูกสนามแม่เหล็กบริเวณจุดบนดวงอาทิตย์กักเอาไว้
และด้วยกลไกอย่างหนึ่งไปกระตุ้นให้พลังงานจํานวนนั้นพลุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
คล้ายกับการใช้นิ้วบีบเมล็ดแตงโม
๓. ลมสุริยะและหลุมโคโรนา
ลมสุริยะ (Solar Wind) เกิดจากการขยายตัวของโคโรนาออกสู่อวกาศการขยายตัวนี้ทําให้หางของดาวชี้ในทิศตรงกับดวงอาทิตย์เสมอ
ข้อมูลจากยานอวกาศได้บันทึกความเร็วของโคโรนาที่ขยายออกมาได้ ประมาณ ๔๐๐ ก.ม./ วินาที ณ ระยะ ๑ A.U. คาดว่าลมสุริยะปกคลุมอาณาเขตไกลถึงดาวพลูโต
อย่างไรก็ตาม ความหนาแน่นของอนุภาคจะลดลงเมื่อระยะทางไกลขึ้น
ลมสุริยะประกอบด้วย
ไอออนและอิเล็กตรอน ซึ่งพบว่าปริมาณเปรียบทียบ (Relative
Composition) ของธาตุและไอออนในลมสุริยะจะคงที่เสมอแม้ ณ ระยะวงโคจรของโลกจากดวงอาทิตย์
ผลที่ได้จากการสังเกตของหอทดลองลอยฟ้า พบว่า
โคโรนาบางบริเวณมีลักษณะเย็นและเงียบสงบ ความหนาแน่นของก๊าซ ณ
บริเวณนี้ต่ำกว่าบริเวณอื่นที่อยู่ใกล้เคียง นักดาราศาสตร์เชื่อว่า
บริเวณนี้เป็นจุดกําเนิดของลมสุริยะและเรียกบริเวณนี้ว่า “หลุมโคโรนา (Coronal Holes)"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น