วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

พอลิเมอร์ (๓๐)

วันที่ ๒๒ เดือนกุมภาพันธ์  พุทธศักราช ๒๕๕๙
ที่มา: ประสงค์ สะอาด.สรุปเคมี. กรุงเทพฯ.พศ พัฒนา.๒๕๕๗.หน้า ๑๖๗-๑๗๕

เรื่อง พอลิเมอร์
พอลิเมอร์ (Polymer) คือ สารประกอบที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ และมีมวลโมเลกุลมากประกอบด้วยหน่วยเล็ก ๆ ของสารที่อาจจะเหมือนกันหรือต่างกันมาเชื่อมต่อกันด้วยพันธะโควาเลนต์
มอนอเมอร์ (Monomer) คือ หน่วยเล็ก ๆ ของสารในพอลิเมอร์
ประเภทของพอลิเมอร์ แบ่งตามเกณฑ์ต่าง ๆ ดังนี้
๑. แบ่งตามการเกิดเป็นเกณฑ์ เป็น ๒ ชนิด คือ
๑.๑.พอลิเมอร์ธรรมชาติ เป็นพอลิเมอร์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น โปรตีน แป้ง เซลลูโลส ไกโคเจน กรดนิวคลีอิก และยางธรรมชาติ (พอลีไอโซปรีน)
๑.๒. พอลิเมอร์สังเคราะห์ เป็นพอลิเมอร์ที่เกิดจากการสังเคราะห์เพื่อใช้ประโยชน์ต่าง ๆ เช่น พลาสติก ไนลอน ดาครอน และลูไซต์ เป็นต้น
๒. แบ่งตามชนิดของมอนอเมอร์ที่เป็นองค์ประกอบ เป็น ๓ ชนิด คือ
๒.๑. โฮมอลิเมอร์ (Homopolymer) เป็นพอลิเมอร์ที่ประกอบด้วยมอนอเมอร์ชนิดเดียวกัน เช่น แป้ง(ประกอบด้วยมอนอเมอร์ที่เป็นกลูโคสทั้งหมด) พอลิเอทิลีน PVC (ประกอบด้วยมอนอเมอร์ที่เป็นเอทิลีนทั้งหมด)
๒.๒. เฮเทอโรพอลิเมอร์ (Heteropolymer) เป็นพอลิเมอร์ที่ประกอบด้วยมอนอเมอร์ต่างชนิดกัน เช่น โปรตีน (ประกอบด้วยมอนอเมอร์ที่เป็นกรดอะมิโนต่างชนิดกัน) พอลิเอสเทอร์ พอลิเอไมด์ เป็นต้น
๓. แบ่งตามโครงสร้างของพอลิเมอร์ แบ่งออกเป็น ๓ แบบ คือ
๓.๑. พอลิเมอร์แบบเส้น (Chain length polymer) เป็นพอลิเมอร์ที่เกิดจากมอนอเมอร์สร้างพันธะต่อกันเป็นสายยาว โซ่พอลิเมอร์เรียงชิดกันมากว่าโครงสร้างแบบอื่น ๆ จึงมีความหนาแน่น และจุดหลอมเหลวสูง มีลักษณะแข็ง ขุ่นเหนียวกว่าโครงสร้างอื่นๆ ตัวอย่าง PVC พอลิสไตรีน พอลิเอทิลีน 
๓.๒พอลิเมอร์แบบกิ่ง (Branched polymer) เป็นพอลิเมอร์ที่เกิดจากมอนอเมอร์ยึดกันแตกกิ่งก้านสาขา มีทั้งโซ่สั้นและโซ่ยาว กิ่งที่แตกจาก พอลิเมอร์ของโซ่หลัก ทำให้ไม่สามารถจัดเรียงโซ่พอลิเมอร์ให้ชิดกันได้มาก จึงมีความหนาแน่นและจุดหลอมเหลวต่ำยืดหยุ่นได้ ความเหนียวต่ำ โครงสร้างเปลี่ยนรูปได้ง่ายเมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น ตัวอย่าง พอลิเอทิลีนชนิดความหนาแน่นต่ำ 
๓.๓. พอลิเมอร์แบบร่างแห (Croos -linking polymer) เป็นพอลิเมอร์ที่เกิดจากมอนอเมอร์ต่อเชื่อมกันเป็นร่างแห พอลิเมอร์ชนิดนี้มีความแข็งแกร่ง และเปราะหักง่าย ตัวอย่างเบกาไลต์ เมลามีนใช้ทำถ้วยชาม 
****พอลิเมอร์บางชนิดเป็นพอลิเมอร์ที่เกิดจากสารอนินทรีย์ เช่น ฟอสฟาซีน ซิลิโคน

การเกิดพอลิเมอร์
พอลิเมอร์เกิดขึ้นจากการเกิดปฏิกิริยาพอลิเมอร์ไรเซชันของมอนอเมอร์
พอลิเมอร์ไรเซชัน (Polymerization) คือ กระบวนการเกิดสารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ ( พอลิเมอร์) จากสารที่มีโมเลกุลเล็ก ( มอนอเมอร์)
 ปฏิกิริยาพอลิเมอร์ไรเซชัน
๑. ปฏิกิริยาพอลิเมอร์ไรเซชันแบบเติม (Addition polymerization reaction) คือปฏิกิริยาพอลิเมอร์ไรเซชันที่เกิดจากมอนอเมอร์ของสารอินทรีย์ชนิดเดียวกันที่มี กับ จับกันด้วยพันธะคู่มารวมตัวกันเกิดสารพอลิเมอร์เพียงชนิดเดียวเท่านั้น
๒. ปฏิกิริยาพอลิเมอร์ไรเซชันแบบควบแน่น (Condensation polymerization reaction) คือปฏิกิริยาพอลิเมอร์ไรเซชันที่เกิดจากมอนอเมอร์ที่มีหมู่ฟังก์ชันมากกว่า ๑ หมุ่ ทำปฏิกิริยากันเป็นพอลิเมอร์และสารโมเลกุลเล็ก เช่น น้ำ ก๊าซแอมโมเนีย ก๊าซไฮโดรเจนคลอไรด์ เมทานอล เกิดขึ้นด้วย 

วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ไฟลัมนีมาโทดา (๒๙)

วันที่ ๒๒ เดือนกุมภาพันธ์  พุทธศักราช ๒๕๕๙
ที่มา: นิพนธ์ ศรนฤมล.สรุปชีววิทยา. กรุงเทพฯ.เดอะบุ๊คส์.๒๕๕๗.หน้า ๑๓๖-๑๔๓


เรื่อง ไฟลัมนีมาโทดา
สัตว์ในไฟลัมนี้เรียกกันทั่วไปว่า หนอนตัวกลม(Round worm) หรือเนมาโทด (Nematode)
ลักษณะที่สำคัญ
๑. มีสมมาตรแบบผ่าซีก (Bilateral symmetry)
๒. มีช่องว่างในลำตัวแบบเทียม (Pseudocoelomate animal) โดยมีช่องว่างอยู่ระหว่างเนื้อเยื่อชั้นกลางและเนื้อเยื่อชั้นใน
๓. ลำตัวกลม ยาว แหลมหัวแหลมท้าย ไม่มีข้อปล้อง ผิวลำตัวเรียบ มีสารคิวทิเคิลหนาหุ้มตัว
๔. ไม่มีระบบหมุนเวียนเลือด แต่ใช้ของเหลวในช่องว่างเทียมช่วยในการลำเลียงสาร
๕. ไม่มีอวัยวะหายใจโดยเฉพาะ พวกที่ดำรงชีพวิตแบบปรสิตหายใจแบบไม่ใช้ออกซิเจน แต่พวกที่อยู่อย่างอิสระใช้ผิวหนังเป็นส่วนแลกเปลี่ยนก็าซกับสิ่งแวดล้อม
๖. ระบบขับถ่ายประกอบด้วยเส้นข้างลำตัว (Lateral line) ซึ่งภายในบรรจุท่อขับถ่ายExcretory canal) ไว้
๗. ทางเดินอาหารสมบูรณ์ประกอบด้วยปากและทวารหนัก
๘. ระบบประสาท ประกอบด้วยปมประสาทรูปวงแหวน (Nerve ring) อยู่รอบคอหอยและมีแขนงประสาทแยกออกทางด้านท้องและทางด้านหลัง
๙. มีระบบกล้ามเนื้อยาวตลอดลำตัว (Longitudinal muscle)
๑๐. เป็นสัตว์แยกเพศตัวเมียมักมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้เนื่องจากตัวเมียต้องทำหน้าที่ในการออกไข่
สามารถแบ่งตามประเภทการดำรงชีวิตได้  ๓ ประเภท
๑. พยาธิตัวกลมในลำไส้ เช่น พยาธิเส้นด้าย, พยาธิปากขอ, พยาธิไส้เดือนตัวกลม
๒. พยาธิตัวกลมในเนื้อเยื่อ เช่น พยาธิโรคเท้าช้าง, พยาธิตัวจี๊ด

๓. พยาธิตัวกลมที่เป็นอิสระ เช่น หนอนน้ำส้มสายชู, หนอนในน้ำเน่า, ไส้เดือนฝอย

วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ฮอร์โมนพืช (๒๘)

วันที่ ๑๓ เดือนกุมภาพันธ์  พุทธศักราช ๒๕๕๙
ที่มา: สธิศร มาลากร.การดูแลรักษาพืช. กรุงเทพฯ.มินิปริ้น.๒๕๕๗.หน้า ๓๓๒-๓๓๘

เรื่อง ฮอร์โมนพืช
ฮอร์โมนพืชเหมือนกับฮอร์โมนสัตว์ คือต่างก็คุมการทำงานได้แม้เพียงปริมาณเล็กน้อย ฮอร์โมนพืชมีหน่วยเป็น ppm
ฮอร์โมนพืชมีดังนี้
ออกซิน
-สร้างจากเนื้อเยื่อเจริญ(ปลายยอดปลายราก)
-ทำให้เซลล์ขยายขนาดทางกว้างและยาว
-ออกซินเคลื่อนที่หนีแสง ด้านที่มีแสงน้อยจะมีออกซินมาก เซลล์จึงขยายตัวมากกว่า ปลายยอดจึงโค้งหนีแสง
-ยับยั้งการแตกตา
-กระตุ้นการออกดอก
-ช่วยเปลี่ยนเพศ, ช่วยให้ติดผลโดยไม่ปฏิสนธิ
จิบเบอเรลลิน
-กระตุ้นการแบ่งเซลล์ที่ข้อ ทำให้ต้นสูง
-กระตุ้นงอกเมล็ด ตา
-เพิ่มติดดอก ติดผล
-เปลี่ยนดอกผู้เป็นดอกเมีย (ตระกูลแดง)
-ยืดช่อองุ่น
ไซโทไคนิน
-พบในน้ำมะพร้าว,ยีสต์
-กระตุ้นแบ่งเซลล์
-กระตุ้นหน่อใหม่และการเจริญของกิ่งแขนง (ใช้เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ)
-ชะลอความแก่ของผล
เอทีลิน
-เร่งผลสุก
-กระตุ้นออกดอกสับปะรด
-กระตุ้นให้ใบร่วง
-ทำลายระยะพักตัว
-เร่งการไหลยางพารา
กรดแอบไซซิค
 -พบในส่วนแก่ของพืช
-กระตุ้นให้ใบหลุด ผลแก่หลุด
-ยับยั้งการเจริญและการยืดตัว บริเวณตา
-กระตุ้นปากใบปิด
-กระตุ้นการพักตัว
หน้าที่บางประการที่แต่ละฮอร์โมนมีร่วมกัน
-หน้าที่กระตุ้นเซลล์ให้เจริญเติบโต - ออกซิน จิบเบอเรลลิน ไซโทไคนิน
-หน้าที่ที่เกี่ยวกับดอก      เปลี่ยนเพศดอก ออกซิน จิบเบอเรลลิน
-หน้าที่ทำให้มีส่วนงอก    ๑. กระตุ้นการออกดอก ออกซิน จิบเบอเรลลิน เอทีลีน(สับปะรด)
๒. กระตุ้นการงอกเมล็ด ตา จิบเบอเรลลิน
๓. กระตุ้นการงอหน่อใหม่ กิ่งแขนง ไซโตไคนิน
๔. กระตุ้นการงอกของเมล็ด - เอทีลีน
-หน้าที่เกี่ยวกับการชะลอ,ยับยั้ง      ๑.ยับยั้งการแตกตา ออกซิน
 ๒.ยับยั้งการเจริญและยืดตัว บริเวณตา กรดแอบไซซิค
๓. ชะลอการแก่,การร่วงของผล - ออกซิน ไซโตไคนิน


ไฟลัมเฟอริเฟอรา (๒๗)

วันที่ ๑๓ เดือนกุมภาพันธ์  พุทธศักราช ๒๕๕๙
ที่มา:นิพนธ์ ศรนฤมล.สรุปชีววิทยา. กรุงเทพฯ.เดอะบุ๊คส์.๒๕๕๗.หน้า ๑๒๓-๑๓๕

เรื่อง ไฟลัมเฟอริเฟอรา
สัตว์ในไฟลัมนี้ได้แก่ สัตว์จำพวกฟองน้ำ (Sponge) มีลักษณะสำคัญคือ ร่างกายสามารถแบ่งได้แบบ Radial symmetry หรือ Asymmetry ก็ได้ มีลำตัวพรุน (Incurrent  pore)
    ประกอบด้วยกลุ่มเซลล์หลายชนิด โดยแบ่งกันทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ ไม่มีการประสานงานกันระหว่างเซลล์ ลำตัวมีช่องเล็ก ๆ รอบตัวเรียก (Ostia) เพื่อให้น้ำหรืออาหารไหลเข้าไปในลำตัวได้ และตอนบนมีช่องเปิดให้น้ำออก(Ostia) ผนังลำตัวประกอบด้วยเซลล์รวมกันเป็นสองชั้น เซลล์ข้างในมีแฟลกเจลลัม (Flagellum) ทำหน้าที่พัดน้ำ และมีเซลล์พิเศษที่ทำหน้าที่ดูดอาหารเข้าไปและย่อยอาหารคือ Choanocyte (Collar cell) ตรงกลางมีของเหลวคล้ายวุ้นเรียก Amebocyte ฟองน้ำเป็นสัตว์ที่ไม่เคลื่อนที่ (Sessile Animal)จะเกาะติดกับโขดหินหรือของแข็งใต้น้ำ บางชนิดมีโครงร่างแข็งเรียกspicule บางชนิดอ่อนนุ่มเรียก spongin  
     ฟองน้ำสืบพันธุ์ได้ ๒ แบบ คือ
๑. แบบไม่อาศัยเพศ คือ แตกหน่อ (Budding) หรือสร้าง Gemmule โดยใช้ Amebocyte 2-3 เซลล์มาสร้างเปลือกหุ้มในสภาวะแห้งแล้ง เมื่อถึงสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ปลือกก็จะหลุดออกและเจมมูล (Gemmule) จะสามารถเจริญเติบโตต่อไปได้และสร้างเซลล์สืบพันธุ์ (Archeocyte) ต่อไป
๒. แบบอาศัยเพศ โดยอาศัยเซลล์ Archeocyte สร้างอสุจิกับไข่มาผสมกัน

เกิดไซโกตกลายเป็นฟองน้ำต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ระบบเศรษฐกิจ (๒๖)

วันที่ ๗ เดือนกุมภาพันธ์  พุทธศักราช ๒๕๕๙
ที่มา: ปรีดา  พร้อมพรรค์.เตรียมสอบ สังคม O-Net. กรุงเทพฯ.รุณีการพิมพ์.๒๕๕๗.หน้า ๑๒๐-๑๒๙


เรื่อง ระบบเศรษฐกิจ

ระบบเศรษฐกิจ
                หมายถึง การรวมตัวกันเป็นกลุ่มของหน่วยเศรษฐกิจ ซึ่งประกอบด้วยบุคคลหรือสถาบันที่ทำหน้าที่เฉพาะอย่างในทางเศรษฐกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจและพัฒนาระบบเศรษฐกิจให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น
 การจำแนกระบบเศรษฐกิจ
               การตัดสินปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจมีหลายวิธี โดยจะเลือกวิธีใดขึ้นอยู่กับระบบเศรษฐกิจของสังคมนั้น โดยทั่วไปนิยมแบ่งระบบเศรษฐกิจออกเป็น  ระบบ ดังนี้

.ระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์ (Communism)
ระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์เป็นระบบเศรษฐกิจที่รัฐบาลเป็นเจ้าของทรัพยากรต่างๆ รวมทั้งปัจจัยการผลิตทุกชนิด เอกชนไม่มีกรรมสิทธิ์ ตลอดจนเสรีภาพที่จะเลือกใช้ปัจจัยการผลิตได้ รัฐบาลเป็นผู้ประกอบการและทำหน้าที่จัดสรรทรัพยากรต่างๆ หน่วยธุรกิจและครัวเรือน จะผลิตและบริโภคตามคำสั่งของรัฐ กลไกราคาไม่มีบทบาทในการแก้ไขปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ การแก้ไขปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจกระทำโดยรัฐบาล จะมีลักษณะเด่นอยู่ที่การรวมอำนาจทุกอย่างไว้ที่ส่วนกลาง
ข้อดีของระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์
จุดเด่นของระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์ก็คือ เป็นระบบเศรษฐกิจที่ช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางฐานะและรายได้ของบุคคลในสังคม ภายใต้ระบบเศรษฐกิจนี้เอกชนจะทำการผลิตและ บริโภคตามคำสั่งของรัฐ ผลผลิตที่ผลิตขึ้นมาจะถูกนำส่งเข้าส่วนกลาง และรัฐจะเป็นผู้จัดสรรหรือแบ่งปัน สินค้าและบริการดังกล่าวให้ประชาชนแต่ละคนอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่มีการได้เปรียบหรือเสียเปรียบ
ข้อเสียของระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์
ประชาชนไม่มีเสรีภาพที่จะผลิตหรือบริโภคอะไรได้ตามใจเพราะจะถูกบังคับหรือสั่งการจากรัฐ สินค้ามีคุณภาพไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากผู้ผลิตขาดแรงจูงใจ และการใช้ทรัพยากรทางเศรษฐกิจอาจเป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถที่จะมีข่าวสารที่สมบูรณ์ในทุก ๆ เรื่อง

๒. ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม
                ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม เป็นระบบเศรษฐกิจที่เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปเลือกตัดสินใจดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามความสามารถและโอกาสของตนโดยอาศัยตลาดและราคาในการเลือก โดยรัฐหรือเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางมีบทบาทเกี่ยวข้องน้อยมาก
ลักษณะสำคัญของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ได้แก่
                - ทรัพย์สินและปัจจัยการผลิตเป็นของเอกชน
                - เอกชนเป็นผู้ดำเนินการกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยผ่านกลไกราคา และมีกำไรเป็นแรงจูงใจ
              - มีการแข่งขันเป็นรากฐานของระบบเศรษฐกิจ
                - รัฐไม่เข้าแทรกแซงทางเศรษฐกิจ มีบทบาทเพียงการรักษาความสงบเรียบร้อย ความยุติธรรม
ข้อดีของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม
                คือ ประชาชนสามารถใช้ความรู้ความสามารถ โอกาส ความคิดริเริ่ม ของตนในการผลิตและบริโภคเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตนได้อย่างเต็มที่
ข้อเสียของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม
                คือ จากความสามารถและโอกาสของบุคคลที่แตกต่างกัน ทำให้มีระดับรายได้แตกต่างกัน นำไปสู่ปัญหาการกระจายรายได้ระหว่างคนรวยกับคนจน ส่วนการผลิตในระบบทุนนิยมเป็นที่มาของการแข่งขันกันผลิต นำไปสู่การทำลายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติจนกลายเป็นปัญหาของโลกในปัจจุบัน
ประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อังกฤษ สิงคโปร์
๓. ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม
                ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม เป็นระบบเศรษฐกิจที่รัฐเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต วางแผนและควบคุมการผลิตบางประเภท โดยเฉพาะการผลิตที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชน เช่น การสาธารณูปโภค ต่างๆ สถาบันการเงิน ป่าไม้ เอกชนถูกจำกัดเสรีภาพในกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะส่วนที่เป็นผลประโยชน์ของส่วนรวม ดำเนินการได้เพียงอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมขนาดย่อม ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาความแตกต่างด้านฐานะระหว่างคนรวยและคนจน
ลักษณะสำคัญของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม ได้แก่
                - รัฐคุมการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจทุกรูปแบบ
                - ไม่มีการแข่งขันเกิดขึ้น
                -รัฐสั่งการผลิตคนเดียว
                - มีการวางแผนจากส่วนกลาง
ข้อดีของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม
                คือ สร้างความเสมอภาคด้านฐานะทางเศรษฐกิจของบุคคลในสังคม ประชาชนได้รับสวัสดิการจากรัฐบาลกลางโดยเท่าเทียมกันและสามารถกำหนดนโยบายเป้าหมายตามที่รัฐบาลกลางต้องการได้
ข้อเสียของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม
                คือ ประชาชนขาดแรงจูงใจในการทำงาน เศรษฐกิจของประเทศอาจเผชิญวิกฤติหากรัฐกำหนดความต้องการผิดพลาดและการไม่มีระบบแข่งขันแบบทุนนิยมทำให้ไม่มีการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ
ประเทศที่ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม เช่น เกาหลี ลาว เวียดนาม
๔. ระบบเศรษฐกิจแบบผสม
                ระบบเศรษฐกิจแบบผสม เป็นระบบเศรษฐกิจที่ผสมระหว่างระบบทุนนิยมกับสังคมนิยม มีรัฐเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตหรือควบคุมการผลิตขนาดใหญ่ แต่ปัจจัยการผลิตส่วนใหญ่เป็นของเอกชน การกำหนดราคาขึ้นกับกลไกแห่งราคาของตลาด
ลักษณะสำคัญของระบบเศรษฐกิจแบบผสม ได้แก่
                - เอกชนมีเสรีภาพ
                - มีการแข่งขัน แต่รัฐอาจแทรกแซง การผลิตได้บ้าง
                - รัฐดำเนินกิจการบางอย่างในรูปของรัฐวิสาหกิจ เช่น สาธารณูปโภค ( ไฟฟ้า ประปา )
                - มีการวางแผนจากส่วนกลางและมีสวัสดิการจากรัฐ
ประเทศที่ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบผสม

                เช่น ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน กัมพูชา พม่า เป็นต้น

กฎหมายไทย (๒๕)

วันที่ ๗ เดือนกุมภาพันธ์  พุทธศักราช ๒๕๕๙
ที่มา: ปรีดา  พร้อมพรรค์.เตรียมสอบ สังคม O-Net. กรุงเทพฯ.รุณีการพิมพ์.๒๕๕๗.หน้า ๗๘-๘๒

เรื่อง กฎหมายไทย
ลักษณะกฎหมายไทย
ลักษณะของกฎหมายแบ่งออกได้เป็น ๕ ประการ คือ
                ๑.กฎหมายต้องเป็นคำสั่งหรือข้อบังคับ ซึ่งจะแตกต่างกับการเชื้อเชิญหรือขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตามคำสั่งหรือข้อบังคับนั้นมีลักษณะให้เราต้องปฏิบัติตาม แต่ถ้าเป็นการเชื้อเชิญหรือขอความร่วมมือ เราจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็ได้ เช่นนี้เราก็จะไม่ถือเป็นกฎหมาย เช่น การรณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่ หรือช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ฯลฯ
     นอกจากดังกล่าวมาข้างต้น อาจมีบางกรณีที่กฎหมายให้อำนาจเฉพาะแก่บุคคลในการออกกฎหมายไว้เช่น พระราชกฤษฎีกาหรือกฎกระทรวงที่ออกโดยฝ่ายบริหาร(คณะรัฐมนตรี) ฯลฯ
                ๒.กฎหมายต้องมาจากรัฐาธิปัตย์หรือผู้ที่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ รัฐาธิปัตย์คือผู้มีอำนาจสูงสุด
ของประเทศ ในระบอบเผด็จการหรือระบอบการปกครองที่อำนาจการปกครองประเทศอยู่ในมือของ
บุคคลใดบุคคลหนึ่งก็ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด มีอำนาจออกกฎหมายได้ เช่น ระบอบ
สมบูรณาญาสิทธิราชย์ซึ่งพระมหากษัตริย์เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด พระบรมราชโองการหรือคำสั่งของ
พระมหากษัตริย์ก็ถือเป็นกฎหมาย ส่วนในระบอบประชาธิปไตยของเรา ถือว่าอำนาจสูงสุดเป็นของ
ประชาชน กฎหมายจึงต้องออกโดยประชาชน คำถามมีอยู่ว่าประชาชนออกกฎหมายได้อย่างไร ก็ออก
โดยที่ประชาชนเลือกตัวแทนเข้าไปทำหน้าที่ในการออกกฎหมาย ซึ่งก็คือสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)และ
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)นั่นเอง ดังนั้นการเลือก ส.ส. ในการเลือกทั่วไปนั้นนอกจากจะเป็นการ
เลือกคนเข้ามาบริหารประเทศแล้ว ยังเป็นการเลือกตัวแทนของประชาชนเพื่อทำการออกกฎหมายด้วย
๓.ฎหมายต้องใช้บังคับได้โดยทั่วไป คือเมื่อมีการประกาศใช้แล้ว บุคคลทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายโดยเสมอภาค จะมีใครอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้ หรือทำให้เสียประโยชน์หรือเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคลใดโดยเฉพาะเจาะจงไม่ได้ แต่อาจมีข้อยกเว้นในบางกรณี เช่น กรณีของฑูตต่างประเทศซึ่งเข้ามาประจำในประเทศไทยอาจได้รับการยกเว้นไม่ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายภาษีอากร หรือหากได้กระทำความผิด
อาญา ก็อาจได้รับเอกสิทธิ์ตามกฎหมายระหว่างประเทศไม่ต้องถูกดำเนินคดีในประเทศไทย โดยต้องให้
ประเทศซึ่งส่งฑูตนั้นมาประจำการดำเนินคดีแทน ฯลฯ
๔..กฎหมายต้องใช้บังคับได้จนกว่าจะมีการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลง เมื่อมีการประกาศใช้แล้วแม้กฎหมายนั้นจะไม่ได้ใช้มานาน ก็ถือว่ากฎหมายนั้นยังมีผลใช้บังคับได้อยู่ตลอด กฎหมายจะสิ้นผลก็ต่อเมื่อมีการยกเลิกกฎหมายนั้นหรือมีการเปลี่ยนแปลงเป็น อย่างอื่นเท่านั้น
๕..กฎหมายจะต้องมีสภาพบังคับ ถามว่าอะไรคือสภาพบังคับ นั่นก็คือการดำเนินการลงโทษหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อผู้ที่ฝ่าฝืน กฎหมายเพื่อให้เกิดความเข็ดหลาบหรือหลาบจำ ไม่กล้ากระทำการฝ่าฝืนกฎหมายอีก และรวมไปถึงการเยียวยาต่อความเสียหายที่เกิดจากการฝ่าฝืนกฎหมายนั้นด้วย
             ตามกฎหมายอาญา สภาพบังคับก็คือการลงโทษตามกฎหมาย เช่น การจำคุกหรือการประหารชีวิต ซึ่งมุ่งหมายเพื่อจะลงโทษผู้กระทำความผิดให้เข็ดหลาบ แต่ตามกฎหมายแพ่งฯนั้น สภาพบังคับจะมุ่งหมายไปที่การเยียวยาให้แก่ผู้เสียหายเพื่อให้เกิดความเสีย หายน้อยที่สุด เช่น การชดใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือการบังคับให้กระทำการตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ ฯลฯ ซึ่งบางกรณีผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายก็อาจต้องต้องถูกบังคับทั้งทางอาญาและทาง แพ่งฯในคราวเดียวกันก็ได้            แต่กฎหมายบางอย่างก็อาจไม่มีสภาพบังคับก็ได้ เนื่องจากไม่ได้มุ่งหมายให้ผู้คนต้องปฏิบัติตาม แต่อาจบัญญัติขึ้นเพื่อรับรองสิทธิให้แก่บุคคล หรือทำให้เสียสิทธิอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น กฎหมายกำหนดให้ผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้วสามารถทำนิติกรรมได้เองโดยไม่ต้องได้ รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม หรือบุคคลที่มีอายุ ๑๕ ปีแล้วสามารถทำพินัยกรรมได้ ฯลฯ หรือออกมาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในประเทศ ซึ่งกฎหมายประเภทนี้จะไม่มีโทษทางอาญาหรือทางแพ่งแต่อย่างใด
ความสำคัญของกฎหมายไทย
               ๑. กฎหมายสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยแก่สังคมและประเทศชาติ เมื่อ ทุกคนรู้และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้องแล้วย่อมไม่เกิดปัญหา และข้อพิพาทระหว่างกันสังคมยอมเป็นระเบียบและมีความสุขอันจะเป็นผลดีต่อประเทศสืบต่อไป 
๒. การบริหารราชการแผ่นดินและการปกครองบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย 
 ประเทศ ใดประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดก็จะทำให้การ บริหารประเทศเป็นไปด้วยดี และมีส่วนทำให้มีการพัฒนาเป็นไปอย่างรวดเร็ว  ดังตัวอย่างเช่น  เมื่อประชาชนมีความรู้เกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ของตนที่มีต่อประเทศชาติก็จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ของตนได้อย่างครบถ้วน เช่นหน้าที่ในการป้องกันประเทศ   หน้าที่ในการเสียภาษี   หน้าที่ในการเป็นทหารรับใช้ชาติ    เป็นต้น
  ๓. สังคมจะสงบสุขเมื่อทุกคนปฏิบัติตามกฎหมาย   และ รู้ว่าตนมีสิทธิของตนอยู่เพียงไร  ไม่ไปล่วงล้ำสิทธิของผู้อื่น  ถ้าทุกคนปฏิบัติตามขอบเขตของกฎหมาย  ก็จะไม่การทะเลาะวิวาทกัน  เช่นทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการพูด  การเขียน  แต่ต้องปฏิบัติตนอยู่ในขอบเขต  ไม่ดูหมิ่นเหยียดหยามผู้อื่นเพราะอาจทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันได้
 ๔. กฎหมายสร้างความเท่าเทียมในความเป็นมนุษย์   เพราะ กฎหมายจะมีข้อบังคับแก่ทุกคน  ดังนั้นไม่ว่า    ใครก็ตามที่ประพฤติผิดกฎหมาย  หรือถูกผู้อื่นเอาเปรียบ  ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีฐานะร่ำรวย  ฐานะยากจน หรือเป็นผู้ที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานระดับสูงเพียงใดก็ตามไม่สามารถที่จะ หลีกเลี่ยงกฎหมายได้  ต้องรับโทษตามความผิด  

 ๕. กฎหมายเป็นกฎเกณฑ์ที่สำคัญ เพื่อก่อให้เกิดความยุติธรรมใน กรณีที่เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น  มีการฟ้องร้องคดีกัน  เพื่อขอความยุติธรรมจากศาล  ศาลก็ต้องตัดสินโดยยึดตัวบทกฎหมายเป็นหลักในการพิจารณาคดี  เพื่อให้ทุกคนได้รับความยุติธรรมเท่าเทียมกัน

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่อาศัยอยู่ในน้ำ (๒๔)

วันที่ ๑ เดือน กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๙
ที่มา: ปิยะดา พรหมมาศ.การเคลื่อนที่ของสัตว์. กรุงเทพฯ.กิจจานันท์การพิมพ์.๒๕๕๓.หน้า ๘๑-๙๐

เรื่อง การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่อาศัยอยู่ในน้ำ
            สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหลายชนิด  เช่น  แมงกะพรุนมีของเหลวที่เรียกว่า มีโซเกลีย (mesoglea) แทรกอยู่ระหว่างเนื้อเยื่อชั้นนอกและเนื้อเยื่อชั้นใน การเคลื่อนที่ของแมงกะพรุนเกิดจากการหดตัวของเนื้อเยื่อบริเวณขอบกระดิ่งและที่ผนังลำตัวสลับกันทำให้เกิดแรงดันของน้ำผลักตัวแมงกะพรุนให้พุ่งไปในทิศทางตรงข้ามกับน้ำที่พ่นออกมา
เชื่อมโยงกับฟิสิกส์
     การเคลื่อนที่ของแมงกะพรุนและหมึกเกิดจากการพ่นน้ำออกมาและขณะเดียวกัน น้ำที่พ่อออกมาก็จะมีแรงดัน  ให้สัตว์เคลื่อนที่ไปทิศตรงข้ามตามกฎการเคลื่อนที่ข้อที่ 3 ของนิวตัน
       การเคลื่อนที่ของหมึกเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อบริเวณลำตัวทำให้น้ำภายในลำตัวพ่อออกทางท่อ ไซฟอน  (siphon) ซึ่งเป็นท่อสำหรับพ่นน้ำออกมาดันให้ลำตัวของหมึกเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกับทิศทางของน้ำที่พ่อออกมา 


            ดาวทะเลมีการเคลื่อนที่โดยอาศัยแรงดันของน้ำเช่นเดียวกันแต่อาศัยน้ำจากภายนอกร่างกายช่วยในการเคลื่อนที่

                  จะเห็นว่า  ระบบท่อน้ำของดาวทะเลประกอบด้วยมาดรีโพไรต์ (meteorite) และเอมพูลลา(ampoule) ซึ่งมีลักษณะคล้ายกระเปาะอยู่ติดกับทิวบ์ฟีท(tube feet)
           เมื่อนำทะเลไหลเข้าทางมาตรีโพไรต์จนถึงแอมพูลลากล้ามเนื้อบริเวณแอมพูลลาจะหดตัวดันน้ำไปยังทิวบ์ฟีททำให้ให้ทิวบ์ฟิทยืดยาวไปแตะพื้นใต้น้ำ   ขณะเดียวกันลิ้นที่บริเวณแอมพลูลาจะปิดป้องกันมิให้น้ำไหลกลับออกไปทางท่อด้านข้าง จากนั้นกล้ามเนื้อของทิวบ์ฟิทจะหดตัวทำให้ทิวบ์ฟิทสั้นลง   ดันน้ำกลับไปที่แอมพลูลาตามเดิม  การยิดหดของทิวบ์ฟิทหลายๆ อันต่อเนื่องกันทำให้ดาวทะเลเคลื่อนที่ได้   นอกจากนี้ปลายสุดของทิวบ์ฟิทยังมีลักษณะคล้ายแผ่นดูด(sucker) ทำให้การยืดเกาะกับพื้นผิวขณะเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น